SME D Bank เดินหน้า “คุณสู้ เราช่วย” แก้ไขวิกฤตหนี้ให้ผู้ประกอบการรายย่อยไทย – ขยายเวลาลงทะเบียนถึง 30 มิถุนายน

การแก้ปัญหาหนี้สินของผู้ประกอบการรายย่อยถือเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือที่รู้จักกันในนาม SME D Bank ได้ตอบรับนโยบายของรัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย ด้วยการเข้าร่วมโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” อย่างเต็มกำลัง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาทางการเงินให้สามารถลุกขึ้นยืนและกลับมาดำเนินธุรกิจได้อีกครั้ง

SME D Bank ช่วยแก้หนี้ลูกค้ากว่า 17,200 ราย

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank เปิดเผยว่า ธนาคารได้ขานรับนโยบายของรัฐบาลโดยกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย ในการช่วยเหลือแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” โดยเปิดให้ลูกหนี้ของธนาคารที่เข้าเกณฑ์จำนวนกว่า 17,200 ราย ซึ่งมีมูลหนี้รวมประมาณ 16,800 ล้านบาท สามารถลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ผ่านเว็บไซต์ของธนาคาร www.smebank.co.th

นอกจากนี้ ธนาคารยังดำเนินการเชิงรุกด้วยการส่งจดหมายแนะนำโครงการไปถึงลูกหนี้ทุกรายที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งมอบหมายให้ทีมงานธนาคารติดต่อลูกหนี้โดยตรง เพื่อให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิดและแนะนำถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ อีกทั้งยังเปิด Call Center สายพิเศษหมายเลข 1357 กด 99 เพื่อรองรับการให้บริการในโครงการนี้โดยเฉพาะ

ความคืบหน้าการลงทะเบียนและผลตอบรับจากผู้ประกอบการ

นับตั้งแต่เปิดให้ลงทะเบียนเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 จนถึงวันที่ 23 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา มีลูกหนี้ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 7,200 ราย คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของลูกหนี้ทั้งหมดของธนาคารที่มีสิทธิ์ โดยมีผู้ที่ผ่านเกณฑ์ของโครงการแล้วกว่า 4,650 ราย

เมื่อพิจารณาแยกตามประเภทอุตสาหกรรม พบว่าผู้ลงทะเบียนมาจากภาคการค้าประมาณ 38% ภาคบริการประมาณ 34% และภาคการผลิตประมาณ 28% โดยมีสัดส่วนกลุ่มธุรกิจที่ผ่านมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์” และทำสัญญาแล้วจำนวนกว่า 2,900 ราย คิดเป็นมูลหนี้กว่า 3,800 ล้านบาท

ผู้ประกอบการรายย่อยคือกลุ่มเป้าหมายหลัก

ข้อมูลจากการลงทะเบียนแสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็กและรายย่อย โดยแบ่งเป็นกลุ่ม Lower SE (ผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 1.8 ถึง 15 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 58% กลุ่ม Micro (ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 24% กลุ่ม Upper SE (ผู้ที่มีรายได้ระหว่าง 15 ถึง 100 ล้านบาทต่อปี) จำนวน 16% และกลุ่ม ME (ผู้ที่มีรายได้เกิน 100 ล้านบาทต่อปี) เพียง 2%

เมื่อพิจารณารวมกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย (Lower SE และ Micro) จะคิดเป็นสัดส่วนถึง 82% ของผู้เข้าร่วมโครงการทั้งหมด ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ประกอบการรายเล็กของไทยยังคงมีความเปราะบางทางการเงินและต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากภาครัฐและสถาบันการเงิน

ไม่เพียงแค่แก้หนี้ แต่พัฒนาศักยภาพทางธุรกิจ

นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากการช่วยเหลือด้านการแก้ไขปัญหาหนี้สินแล้ว SME D Bank ยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพทางธุรกิจของผู้ประกอบการ โดยเน้นการเพิ่มรายได้และขยายตลาด ผ่านโครงการต่างๆ เช่น “SME D Market” ซึ่งธนาคารจัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการมาออกบูธจำหน่ายสินค้า ณ สำนักงานใหญ่ของ SME D Bank โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ

นอกจากนี้ ธนาคารยังเชิญชวนผู้ประกอบการร่วมกิจกรรมคาราวานสินค้า เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและจับคู่ธุรกิจ รวมถึงโครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ เวิร์คช้อปการทำตลาดยุคดิจิทัล พร้อมโอกาสเพิ่มรายได้ด้วยการให้ผู้มีชื่อเสียงบนโลกออนไลน์ช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการ

ขยายเวลาลงทะเบียน เพิ่มโอกาสให้ผู้ประกอบการ

ด้วยผลตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการ และยังมีลูกหนี้อีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จึงได้ขยายเวลาลงทะเบียนออกไปถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2568 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์สามารถเข้าถึงความช่วยเหลือได้มากขึ้น

นายพิชิต กล่าวว่า การขยายเวลาลงทะเบียนนี้นับเป็นโอกาสดีสำหรับผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาหนี้สิน เนื่องจากโครงการมีสิทธิประโยชน์ที่ช่วยบรรเทาภาระหนี้อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ การช่วยลดค่างวดชำระเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยในปีแรกผู้เข้าร่วมโครงการจะชำระเพียง 50% ของค่างวดปกติเท่านั้น และเงินที่ชำระจะถูกนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด

นอกจากนี้ ยังมีสิทธิประโยชน์ในการไม่เก็บดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี หากผู้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด และหากสามารถชำระค่างวดมากกว่าขั้นต่ำที่กำหนด ก็จะช่วยให้สามารถตัดเงินต้นได้เพิ่มขึ้น ทำให้สามารถปิดหนี้ได้เร็วขึ้น

ผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถแจ้งความประสงค์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ของ SME D Bank (www.smebank.co.th) หรือเว็บไซต์ของธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th/khunsoo) สำหรับผู้ที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามได้ที่ Call Center หมายเลข 1357 กด 99

ทั้งนี้ SME D Bank มุ่งหวังว่าโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” จะเป็นกลไกสำคัญในการช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบการรายย่อยของไทย ให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตและกลับมาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) กำลังสนับสนุนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลไทยและธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินของผู้ประกอบการรายย่อย โดยมีสาระสำคัญดังนี้:

ข้อมูลโครงการ

• ครอบคลุมลูกหนี้ที่เข้าเกณฑ์ 17,200 ราย มูลหนี้รวมประมาณ 16,800 ล้านบาท
• ขยายเวลาลงทะเบียนถึง 30 มิถุนายน 2568
• มีลูกหนี้ลงทะเบียนแล้วกว่า 7,200 ราย (40% ของลูกหนี้ที่มีสิทธิ์)
• ผ่านเกณฑ์โครงการแล้วกว่า 4,650 ราย

ประเภทธุรกิจที่เข้าร่วม

• ภาคการค้า: 38%
• ภาคบริการ: 34%
• ภาคการผลิต: 28%

กลุ่มผู้ประกอบการที่ลงทะเบียน

• กลุ่ม Lower SE (รายได้ 1.8-15 ล้านบาท/ปี): 58%
• กลุ่ม Micro (รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาท/ปี): 24%
• กลุ่ม Upper SE (รายได้ 15-100 ล้านบาท/ปี): 16%
• กลุ่ม ME (รายได้เกิน 100 ล้านบาท/ปี): 2%

สัดส่วนรวมของผู้ประกอบการรายเล็กและรายย่อย (Lower SE และ Micro) สูงถึง 82% สะท้อนความเปราะบางของผู้ประกอบการไทย

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

• ลดค่างวดชำระเป็นเวลา 3 ปี โดยปีแรกชำระเพียง 50%
• ค่างวดที่ชำระนำไปตัดเงินต้นทั้งหมด
• ไม่เก็บดอกเบี้ย 3 ปี เมื่อทำตามเงื่อนไข
• หากชำระมากกว่าขั้นต่ำ จะตัดเงินต้นเพิ่ม ช่วยปิดหนี้ได้เร็วขึ้น

บริการเพิ่มเติม

• ให้คำปรึกษาผ่านทีมงานธนาคารและ Call Center สายพิเศษ 1357 กด 99
• โครงการเพิ่มรายได้และขยายตลาด เช่น “SME D Market” เปิดโอกาสให้ออกบูธจำหน่ายสินค้าโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
• กิจกรรมคาราวานสินค้า การจับคู่ธุรกิจ
• โครงการไลฟ์คอมเมิร์ซ และเวิร์คช้อปการตลาดดิจิทัล

วิธีลงทะเบียน

• ผ่านเว็บไซต์ธนาคาร: www.smebank.co.th
• ผ่านเว็บไซต์ธนาคารแห่งประเทศไทย: www.bot.or.th/khunsoo
• สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: Call Center 1357 กด 99