SET ร้อนแรงแดงเถือก โอมิครอนระบาดหนัก กดดัชนีร่วง -25.93 จุด

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

SET INDEX กลับสู่ความกังวลไวรัสโควิด-19 ตัวกลายพันธุ์ “โอมิครอน” ที่เกิดการระบาดใหญ่ในยุโรปหลายประเทศที่มีการแพร่ระบาดหนักจนต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้ม ฉุดดัชนีหุ้นทุกกระดานร่วงแรง โบรกฯ ประเมินความเสี่ยงลุกลามมากขึ้น มองกรอบแนวรับที่ 1,607 จุด ถัดไปที่ 1,600-1,590 จุด และแนวต้านที่ 1,625-1,630 จุด

ตลาดหุ้นไทยปิดทำการวันที่ 20 ธันวาคม 2564 ปรับตัวลดลงกว่า -25.93 จุด หรือ -1.58% มาอยู่ที่ 1,615.80 จุด มูลค่าการซื้อขายสุทธิ 82,357.88 ล้านบาท โดยตลอดทั้งวันดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบ ระหว่างวันปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1,633.80 จุด และปรับตัวลดลงต่ำสุดที่ 1,612.96 จุด

ขณะที่หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในวันนี้เพิ่มขึ้น จำนวน 335 หลักทรัพย์ ไม่เปลี่ยนแปลง จำนวน 281 หลักทรัพย์ และ ลดลง จำนวน1,523 หลักทรัพย์

ส่วนปริมาณการซื้อขายขายจำแนกตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนในประเทศซื้อสุทธิกว่า 5,716.54 ล้านบาท และบัญชี บล. ซื้อสุทธิกว่า 154.45 ล้านบาท ในทางกลับกันพบว่า นักลงทุนต่างประเทศขายสุทธิกว่า -2,905.48 ล้านบาท และนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า -2,965.51 ล้านบาท

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
1.EA มูลค่าการซื้อขาย 4,078.93 ล้านบาท ปิดที่ 93.00 บาท ลดลง 0.25 บาท
2.KBANK มูลค่าการซื้อขาย 3,538.07 ล้านบาท ปิดที่ 136.50 บาท ลดลง 4.50 บาท
3.SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,307.45 ล้านบาท ปิดที่ 122.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
4.CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,230.61 ล้านบาท ปิดที่ 58.75 บาท ลดลง 1.75 บาท
5.JMT มูลค่าการซื้อขาย 2,028.21 ล้านบาท ปิดที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.JMT ปิดที่ 66.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 5.56%
2.JMART ปิดที่ 54.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท หรือ 4.35%
3.SINGER ปิดที่ 52.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท หรือ 3.43%
4.BCH ปิดที่ 20.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือ 3.06%
5.SCGP ปิดที่ 68.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.74%

ด้านดัชนี SET100 ที่มีราคาปรับตัวลดลงมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่
1.DELTA ปิดที่ 400.00 บาทลดลง 26.00 บาท หรือ 6.10%
2.KBANK ปิดที่ 136.50 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 3.19%
3.PTTEP ปิดที่ 116.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.92%
4BBL ปิดที่ 117.50 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 2.89%
5.SCB ปิดที่ 122.00 บาท ลดลง 3.00 บาท หรือ 2.40%

ส่วนดัชนี SET100 ปิดที่ 2,195.66 จุด ลดลง -40.37 จุด หรือ -1.81% ดัชนี SET50 ปิดที่ 959.26 จุด ลดลง -18.60 จุด หรือ -1.90% ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 564.99 จุด ลดลง -5.20 จุด หรือ -0.91%

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียติดลบเฉลี่ยกว่า 1% ตลาดยุโรปเทรดบ่ายนี้ติดลบเฉลี่ย 2% และดาวโจนส์ฟิวเจอร์สก็ติดลบราว 1.4% รับ Sentiment เชิงลบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในยุโรปที่มีการแพร่ระบาดหนักจนหลายประเทศต้องกลับมาใช้มาตรการคุมเข้ม

นอกจากนี้ ยังรับแรงกดดันจากสหรัฐฯ กรณีที่นายโจ แมนชิน วุฒิสมาชิกพรรคเดโมแครต ประกาศไม่สนับสนุนกฎหมาย Build Back Better ทำให้ร่างกฎหมายฉบับที่เป็นแผนการใช้จ่ายมูลค่า 1.75 ล้านล้านดอลลาร์อาจไม่ผ่าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้มีแรงขายสินทรัพย์เสี่ยงออกมาก่อน

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (21 ธ.ค.) นายวีระวัฒน์ กล่าวว่า ตลาดยังมีน้ำหนักของการพักตัวจากการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่น่าจะได้เห็นการลุกลามมากขึ้น โดยให้แนวรับ 1,607 ถัดไป 1,600-1,590 จุด ส่วนแนวต้าน 1,625-1,630 จุด

อย่างไรก็ดี แนะติดตามผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันพรุ่งนี้จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มหรือไม่ และมาตรการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงให้ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 22 ธ.ค.นี้

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket