SCC ทุ่ม 3.27 พันล้าน เทก Deltalab,S.L 85%

เศรษฐกิจ (ในประเทศ - ต่างประเทศ)

ปูนซิเมนต์ไทยแจ้ง “เอสซีจี แพคเกจจิ้ง” ปิดดีลการเข้าถือหุ้น Deltalab,S.L แบบ Mergerand Partnership หรือ M&P บริษัทเชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จดทะเบียนในสเปน ผ่าน “อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลธ์แคร์ แพคเกจจิ้ง” มูลค่า 3,270 ล้านบาท และจะรับรู้รายได้เข้ามาในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564 หวังยกระดับฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์ของ SCGP รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการสู่ระดับโลก

นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC แจ้งบริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP เข้าซื้อหุ้น (Mergerand Partnership : M&P) ในสัดส่วน 85% ใน Deltalab,S.L (หรือ Deltalab) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ (Medical Supplies and Labware) ที่จดทะเบียนในประเทศสเปน ได้ดำเนินการสำเร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อ 30 มิถุนายน 2564

โดย SCGP ได้ชำระเงินสำหรับการเข้าถือหุ้น 85% รวมเป็นเงินทั้งสั้น 84.9 ล้านยูโร หรือประมาณ 3,270 ล้านบาท ธุรกรรมข้างต้นจะดำเนินการผ่านบริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลธ์แคร์ แพคเกจจิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ SCGP ถือหุ้นทั้งหมด โดย SCGP จะเริ่มแสดงผลประกอบการของ Deltalab,S.L ในงบการเงินรวมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2564

สำหรับ Deltalab เป็นที่รู้จักในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและจัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์คุณภาพสูงในยุโรป โดยมีผลิตภัณฑ์กว่า 15,000 หน่วย (SKU) และปริมาณการผลิต 250 ล้านชิ้นต่อปี โดยมีการส่งออกสินค้าหลายรายการไปยัง 125 ประเทศทั่วโลก ในระยะเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2564) Deltalab มีรายได้ 84.3 ล้านยูโร (ประมาณ 3,245 ล้านบาท) มีกำไรจากธุรกิจหลักหลังหักภาษีประมาณ 19.3 ล้านยูโร (ประมาณ 740 ล้านบาท) และมีสินทรัพย์อยู่ที่ 44.7 ล้านยูโร (ประมาณ 1,720 ล้านบาท) การลงทุนใน Deltalab จะช่วยยกระดับฐานลูกค้าและผลิตภัณฑ์ของ SCGP รวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถการให้บริการสู่ระดับโลก อีกทั้งเป็นการผนึกกำลังทางธุรกิจผ่านประสบการณ์และองค์ความรู้ของกลุ่มธุรกิจในการผลิตกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้อง

โดย SCGP มุ่งมั่นที่จะตอบสนองต่อกระแสความนิยมการเปลี่ยนไปใช้บรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนมากขึ้นทั่วโลก อีกทั้งยังนำเสนอสินค้าบรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและโพลิเมอร์ตลอดจนบริการบรรจุภัณฑ์ที่หลากหลายอื่นๆ โดยมีฐานการผลิตรวมกว่า 50 แห่งในหลากหลายประเทศ

สำหรับธุรกรรมดังกล่าวเป็นการได้มาซึ่งบริษัทย่อย มีขนาดรายการเท่ากับ 1.6% ของมูลค่าของสินทรัพย์รวมตามงบการเงินรวมของ SCGP สิ้นสุด ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 โดยเมื่อรวมกับรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่เกิดขึ้นในระหว่าง 6 เดือนก่อนวันที่มีการเข้าทำรายการนี้จะเท่ากับ 13.7% ดังนั้น การรายงานสารสนเทศข้างต้นจึงไม่เข้าข่ายที่จะต้องปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในเรื่องการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ และไม่ใช่รายการที่เกี่ยวโยงกัน

อ้างอิง
https://www.mgronline.com/stockmarket